กระเพาะอาหารอักเสบ อาการเตือน และสาเหตุการเกิดโรค
หลายคนต้องเคยเจอสถานการณ์แบบนี้... พอกินข้าวเสร็จแล้วรู้สึกปวดท้อง จุกเสียด หรือมีอาการแสบร้อนตรงกลางท้อง ปล่อยไว้สักพักอาการเหล่านี้ก็ทุเลาลง แต่กลับเป็นซ้ำๆ ไม่ยอมหายขาดสักที
ใช่ครับ นี่คือสัญญาณของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคที่หลายคนมักมองข้ามแต่สามารถส่งผลกระทบเรื้อรังต่อคุณภาพชีวิต วันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เพื่อให้เราได้มีการปรับพฤติกรรมและลดปัจจัยเสี่ยงกันครับ
กระเพาะอาหารอักเสบคืออะไร?
กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) เป็นภาวะที่เยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ บวม หรือระคายเคือง โดยอาจเกิดขึ้นได้ 2 แบบ
- เฉียบพลัน (เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายได้)
- เรื้อรัง (เกิดขึ้นเป็นเดือนหรือเป็นปี และอาการเป็นๆหายๆ)
โรคกระเพาะอาหารอักเสบหากเป็นรุนแรง ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจกลายเป็น แผลในกระเพาะอาหารหรือกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ครับ
อาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นอย่างไร?
อาการแสดงของผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกัน แม้ว่าจะมีอาการไม่รุนแรง แต่หากเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมครับ
- อาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณกลางท้อง - มักมีอาการปวด เมื่อท้องว่าง, หลังรับประทานอาหาร หรือปวดท้องกลางดึก
- รู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ - เนื่องจากกระเพาะอาหารที่อักเสบอาจบวมและไม่สามารถรองรับอาหารได้มากเท่าปกติ
- คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
- ท้องอืด เรอบ่อย - ร่างกายพยายามขับลมส่วนเกินออกมา
- ปวด เสียด ตื้อ จุก และแน่นบริเวณลิ้นปี่
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด - เมื่อรับประทานอาหารแล้วไม่สบายตัว อาจทำให้เบื่ออาหารและน้ำหนักลดลง
- อาเจียนเป็นเลือด หรืออุจจาระมีสีดำ - เนื่องจากมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่รุนแรง ควรพบแพทย์ทันที
สาเหตุของกระเพาะอาหารอักเสบ
กระเพาะอาหารอักเสบสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ใช่เพียงเพราะพฤติกรรมอย่างเดียว มาดูกันครับ ว่ามีอะไรบ้าง
- การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori)
เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถอาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหารและทำให้เกิดการอักเสบได้ โดยการติดเชื้อมักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ - การใช้ยาแก้ปวดเป็นประจำ
ยาแก้ปวดบางชนิด โดยเฉพาะยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน นาโพรเซน อาจระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหารและทำให้เกิดการอักเสบได้ - ความเครียดเรื้อรัง
ความเครียดจะกระตุ้นให้เซลล์กระเพาะอาหารหลั่งกรดเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร - พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป หรือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ - โรคภูมิแพ้ตัวเอง (Autoimmune Gastritis)
ในบางกรณี ร่างกายอาจผลิตแอนติบอดีมาทำลายเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารของตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบได้ - การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่มักทำให้อาการกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงขึ้น จากการก่อการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร และกระตุ้นให้เซลล์เยื่อเมือกสร้างกรดเพิ่มขึ้น
การรักษาหรือบรรเทาอาการเมื่อเป็นกระเพาะอาหารอักเสบ
- การพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์อาจตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีต่างๆ เช่น การส่องกล้อง การตรวจเลือด หรือการตรวจหาเชื้อ H. pylori
- กินยาตามแพทย์แนะนำ ให้ถูกต้อง สม่ำเสมอ
- การบรรเทาอาการเบื้องต้น ได้แก่
- รับประทานอาหารอ่อนๆ และ ย่อยง่าย
- กินอาหารตรงตามเวลาทุกมื้อ หากมีปัญหาจุกแน่นหลังรับประทาน อาจปรับลดเป็นกินอาหารจำนวนน้อย ๆ แต่กินให้บ่อยมื้อ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
- ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
- งด/เลิก บุหรี่
- หาวิธีผ่อนคลายความเครียด
ตรวจให้ตรงจุดกับพร้อมแพทย์คลินิก คลินิกแพทย์เฉพาะทางในสุราษฎร์ธานี
พร้อมแพทย์คลินิก เป็นคลินิกแพทย์เฉพาะทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ให้บริการดูแลสุขภาพด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
เรามีบริการ อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง ซึ่งช่วยประเมินความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ในช่องท้องได้
อาการปวดท้องแม้ปวดไม่มากก็ไม่ควรละเลย การได้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจอัลตร้าซาวด์ทั่วช่องท้องในระยะเริ่มต้นนั้นสำคัญมาก เพราะช่วยให้วินิจฉัยได้และรักษาได้ถูกต้อง และลดโอกาสที่โรคจะลุกลามกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ครับ
สามารถเข้ามาปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ที่ : 54/49 หมู่ที่ 2 ถ.ศรีวิชัย 39 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000 (ตรงข้ามตลาดศรีราชา) โทร: 069-645-5565 หรือ 091-461-9130
เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.00 - 19.30 น. และ เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 12.00 น.