"ปวดท้อง" เป็นอาการที่หลายคนมักจะเป็นอยู่บ่อย ๆ แต่หากมีอาการอื่นร่วมด้วยอย่างเช่น อาเจียน ท้องเสีย หรือ มีไข้
อาจเป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่าคุณกำลัง ติดเชื้อทางเดินอาหาร ก็เป็นได้
บทความนี้จะทำให้คุณรู้ถึงสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินอาหาร รวมถึงวิธีการรักษาและป้องกัน เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอาการแบบร้อนชื้น โอกาสที่เชื้อโรคจะเติบโตในอาหารและน้ำนั้นจึงเกิดขึ้นได้ง่ายครับ
ติดเชื้อทางเดินอาหาร คืออะไร?
ติดเชื้อทางเดินอาหาร หรือ Gastroenteritis คือ ภาวะที่ระบบทางเดินอาหารเกิดการอักเสบ โดยเฉพาะที่กระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดท้อง อาจปวดแบบบิดๆ บางครั้งอาจมีอาการปวดรุนแรงได้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย ถ่ายเหลว
- เบื่ออาหาร
- มีไข้ ตัวร้อน หนาวสั่น
- ร่างกายอ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง
ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเองใน 1-3 วัน แต่มีอาการรุนแรงหรือนานเกินไป ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจขาดน้ำหรือมีอาการโรคแทรกซ้อนอื่นตามมาได้ครับ
สาเหตุของการติดเชื้อทางเดินอาหาร
โดยส่วนมากเป็นการติดเชื้อที่มาจากอาหาร น้ำ หรือ สภาพแวดล้อม ซึ่งตัวเชื้อโรคสามารถแบ่งหลักๆ เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- เชื้อไวรัส : เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินอาหารที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
ตัวอย่างเชื้อไวรัส
โนโรไวรัส (Norovirus)
- แพร่กระจายได้รวดเร็ว มักเกิดการระบาดในชุมชนหรือสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกัน
- อาการเด่น: คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง
- สามารถติดต่อผ่านการสัมผัส หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน
โรต้าไวรัส (Rotavirus)
- พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
- ก่อให้เกิดท้องเสียรุนแรง และอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้
- มีวัคซีนป้องกันสำหรับเด็กเล็ก
2. เชื้อแบคทีเรีย : อาการจากเชื้อแบคทีเรียมักจะรุนแรงกว่าไวรัส
ตัวอย่างเชื้อแบคทีเรีย
ซัลโมเนลลา (Salmonella)
- พบได้บ่อยในอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก เช่น ไข่ดิบ เนื้อสัตว์
- อาการ: ไข้สูง ปวดท้องรุนแรง ท้องเสีย
- ระยะฟักตัวประมาณ 8-72 ชั่วโมง
อีโคไล (E. coli)
- สามารถปนเปื้อนในผักสด น้ำที่ไม่สะอาด
- บางสายพันธุ์อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
- อาการอาจรวมถึงท้องเสียปนเลือด
แคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter)
- มักพบในเนื้อสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่ที่ไม่ได้ปรุงสุกทั่วถึง
- อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร่วมกับท้องเสีย
- อาจก่อให้เกิดการอักเสบข้อในบางกรณี
3. เชื้อปรสิต : พบได้น้อยกว่า แต่อาจก่อให้เกิดอาการเรื้อรัง
ตัวอย่างเชื้อปรสิต
จีอาร์เดีย (Giardia lamblia)
- ติดต่อผ่านน้ำที่ปนเปื้อน
- ก่อให้เกิดท้องเสียเรื้อรังและการดูดซึมสารอาหารไม่ดี
- อาการอาจยืดเยื้อหากไม่ได้รับการรักษา
อะมีบา (Entamoeba histolytica)
- สามารถก่อให้เกิดแผลในลำไส้ใหญ่
- ในบางกรณีอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ
การติดต่อของเชื้อ
ในความเป็นจริงเชื้อโรคอยู่ทุกที่ และ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น
- การรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
- การใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำ หรือสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
- การไม่ล้างมือก่อนกินอาหารหรือหลังเข้าห้องน้ำ
- การสัมผัสสิ่งปนเปื้อน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได หรือพื้นผิวต่างๆ
สิ่งสำคัญคือ เราต้องหมั่นรักษาความสะอาด หลังจากหยิบจับอะไรก็ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ให้เรียบร้อย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินอาหารได้เป็นอย่างมาก
หากติดเชื้อทางเดินอาหาร ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
สัญญาณที่บอกว่าคุณควรรีบไปพบแพทย์ ได้แก่
- มีอาการอาเจียนมาก จนไม่สามารถดื่มน้ำหรือกินอาหารได้เลย ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรวดเร็ว
- มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวมากกว่า 6 ครั้งต่อวัน อาจเสี่ยงต่อภาวะเสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
- ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือมีไข้สูงเกิน 38.5 องศา เพราะอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ต้องได้รับยารักษาเฉพาะ
- อาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากรับประทานยาบรรเทาอาการเบื้องต้น
คนที่มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง หรือมีปัญหาของ
ระบบทางเดินอาหารบ่อย ๆ ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ระบบทางเดินอาหาร เพื่อค้นหาความผิดปกติภายในร่างกาย การตรวจที่ละเอียดขึ้นจะช่วยให้รักษาได้ทันท่วงที และลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรงในอนาคตได้ครับ
พร้อมแพทย์คลินิก มีคุณหมอระบบทางเดินอาหาร และคุณหมอตรวจอัลตร้าซาวด์ คอยให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด หากใครกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ และกำลังมองหา
คลินิกเฉพาะทางสุราษ สามารถแวะมาตรวจได้เลยนะคะ สามารถเข้ารับบริการได้ในวันและช่วงเวลาด้านล่าง:
- จันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.00 - 19.30 น.
- เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 12.00 น.
ที่อยู่ : 54/49 หมู่ที่ 2 ถ.ศรีวิชัย 39 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000 (ตรงข้ามตลาดศรีราชา)
โทร: 069-645-5565 หรือ 091-461-9130